วันเสาร์ที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2553

ความหมายของคำว่า อวโลกิเตศวร

ความหมายชองคำว่า อวโลกิเตศวร



อวโลกิเตศวร เป็นภาษาสันสกฤต เขียนด้วยอักษรโรมันว่า  Avalokiteśvara  แปลตามตัวอักษรว่า  ผู้เป็นใหญ่ซึ่งมองจากเบื้องบนลงมาเบื้องล่าง  เป็นพระโพธิสัตว์ผู้ประกอบด้วยกรุณาธิคุณแห่งพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ พระอวโลกิเตศวร เป็นที่เคารพสักการะของเหล่าพุทธศาสนิกชนฝ่ายมหายานมาก ยิ่งกว่าพระโพธิสัตว์องค์อื่น


พระนามเดิมของพระโพธิสัตว์องค์นี้ คือ อวโลกิเตศวร  ในภาษาจีนนามของพระอวโลกิเตศวร เรียกว่า กวนซียิน ปูสะ(Guānshìyīn Púsà)  ซึ่งก็คือคำแปลของพระนามเดิมของ อวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ นั่นเอง  พระโพธิสัตว์องค์นี้ ถูกพรรณนาว่าเป็นผู้มีสองเพศ คือเป็นทั้งที่มีเพศหญิงและเพศชาย  และในบางแห่งก็มีการระบุแต่เพียงว่า  กวนยิน (Guānyīn)หรือ กวนอิม


ในภาษาสันสกฤต พระอวโลกิเตศวร  ยังถูกระบุว่า เป็น  ปัทมปาณี (ผู้ถือดอกบัว)  หรือ  โลเกศวร (ผู้เป็นใหญ่แห่งโลก) ในภาษาทิเบต พระอวโลกิเตศวร มีชื่อว่า  Chenrezig (เชนเรซิก) และก็ยังกล่าวกันด้วยว่า  พระอวโลกิเตศวรได้อวตารลงมาเกิดเป็น องค์ดาไลลามะ  พระกัมมาปะ และพระลามะระดับอาวุโสองค์อื่นๆด้วย


ในทางอักษรศาสตร์นั้นั้น พระนาม อวโลกิเตศวร  ประกอบด้วยศัพท์ต่างๆที่มาสมาสและสนธิกัน  คือ คำว่า อวะ แปลว่า ลง โลกิตะ เป็นกริยา แปลว่า มองดู และ อิศวร แปลว่า  ผู้เป็นใหญ่ เมื่อรวมทั้งสามศัพท์เข้าด้วยกัน คือ อว+โลกิต+อิศวร ก็แปลได้ความว่า ผู้เป็นใหญ่ผู้มองลงมา (ที่โลก)  คำว่า โลก ไม่มีในศัพท์แต่ใส่เข้ามาเพื่อให้ได้ความหมายที่แท้จริง
]

แต่เดิมมีความคิดกันว่า  ชาวจีนแปลคำว่า อวโลกิเตศวร ผิดไปเป็น อวโลกิตสวร ซึ่งก็เป็นเหตุให้ท่านหลวงจีน Zuangzang แปลคำนี้ว่า Guanzizai(กวนซีไซ) แทนที่จะแปลว่า  Guangin(กวนยิน)  อย่างไรก็ดี จากหลักฐานการค้นคว้าเมื่อเร็วๆนี้พบว่า  ศัพท์ดั้งเดิมของคำนี้ก็คือ อวโลกิตสวร คือที่ลงท้ายด้วย สวร  (แปลว่า เสียง) ซึ่งมีความหมายว่า ผู้รับเสียง หรือแปลตามตัวอักษรว่า  ท่านผู้มองลงมายังเสียง(คือ เสียงร้องของสรรพสัตว์ผู้ต้องการความช่วยเหลือ) ข้อนี้จึงเป็นที่มาของคำแปลของจีนว่า  กวนยิน  รวมทั้งคำแปลของนักปราชญ์จีนอีกหลายท่าน รวมทั้งท่านกุมารชีวะนักปราชญ์ย่านเอเชียกลาง ที่ใช้คำว่า  กวนซียิน (Guānshìyīn) อันมีความหมายว่า ผู้รับรู้การร้องทุกข์ของโลก คำว่า โลก นี้มีความหมายได้ทั้งว่า  มอง และว่า โลก ชื่อของพระโพธิสัตว์องค์นี้ถูกเปลี่ยนในกาลต่อมาให้มีคำลงท้ายด้วย อิศวร ซึ่งคำนี้ไม่มีในภาษาสันสกฤตในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 7  แต่ทว่าคำว่า อวโลกิตาสวร  มีอยู่ในภาษาสันสกฤตมาตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 5

ความหมายดั้งเดิมของนามพระโพธิสัตว์องค์นี้  บ่งบอกถึงบทบาทของท่านได้เป็นอย่างดี  การที่มีการตีความชื่อของท่านเสียใหม่โดยบอกว่ามีคำลงท้ายว่า อิศวร  นั้นก็ส่อแสดงว่าคำนี้ได้รับอิทธิพลมาจากลัทธิไศวะของศาสนาพราหมณ์หรือฮินดู  เพราะคำว่า อิศวร นี้ปกติจะมีความหมายเชื่อมโยงถึง พระศิวะ ซึ่งเป็นเทพเจ้าผู้สร้างโลกและผู้ปกครองโลก  คนก็เลยถ่ายทอดคุณสมบัติของพระศิวะมาไว้ในตัวของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร  แต่สำหรับชาวพุทธผู้ที่เคารพนับถือพระอวโลกิเตศวร ต่างปฏิเสธหลักการเรื่องเทพเจ้าผู้สร้างโลกเพราะเป็นหลักการของศาสนาพราหมณ์หรือฮินดูมิใช่หลัการของศาสนาพุทธ


ในทางอักษรศาสตร์อีกเช่นเดียวกัน ชื่อในภาษาทิเบตของพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรนี้ คือ  เชนเรซิก (Chenrezig) ซึ่งแยกศัพท์เป็น  chen(เชน)  แปลว่า ตา (eye) re แปลว่า ความต่อเนื่อง (continuity) zig แปลว่า  มองดู (to look) ซึ่งก็ให้ความหมายว่า บุคคลผู้ปกติมองมายังสรรพสัตว์(ด้วยดวงตาแห่งความกรุณา)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น